
แม้ปัจจุบัน ความรู้ในเรื่องของการดูแลเด็กจะหาได้ง่าย
ไม่ว่าจะปัญหาใดก็มีวิธีดูแลลูกเขียนไว้ รวมถึง อาการโคลิค อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าภาวะโคลิคจะค่อย
ๆ ทุเลาลงและหายไปเองเมื่อลูกมีอายุได้ประมาณ 3 สัปดาห์
ซึ่งในระหว่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องคอยหมั่นสังเกตอาการของลูก เพราะถ้าปล่อยให้ลูกร้องไห้อาจจะทำให้กระทบต่อพัฒนาการของลูกได้
แต่ถึงอย่างนั้น การร้องไห้ไม่ใช่เรื่องเดียวที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวังเวลา ทารกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ
แต่จะมีอาการไหนบ้างนั้น มาดูกันเลย
1.
ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุจนหมดแรง
เมื่อลูกของเราร้องไห้เป็นเวลานาน
ลูกจะรู้สึกเหนื่อยหมดแรง ซึ่งหลายครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจไม่ได้สังเกตอาการของลูก
เมื่อเห็นว่าหยุดร้องไห้หรือหลับไป ก็คิดว่าเจ้าตัวเล็กสงบลงไปแล้ว
แต่ในความจริงลูกอาจจะร้องจนหมดแรงและหมดสติไป
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตอาการตัวแดงคล้ำตัวเขียว ปากซีด
ตัวอ่อนปวกเปียกร่วมด้วยหรือไม่ เพราะอาจจะทำให้เด็กเสียชีวิตได้
2.
มีไข้ ตัวร้อน
หากลูกร้องไม่หยุดแล้วไข้ขึ้น
ให้คุณพ่อคุณแม่รีบวัดไข้ให้ลูกทันที ถ้ามีอุณหภูมิไม่เกิน 38 องศาเซลเซียสให้รีบเช็ดตัวให้ลูกเพื่อบรรเทาอาการ
แต่ถ้าอุณหภูมิร่างกายมากกว่านั้นให้รีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที
3.
ท้องเสีย ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นมูกเลือด
การร้องไห้ก็สามารถทำให้เด็กใช้พลังงาน
และน้ำมากอยู่แล้ว หากมีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นมูกเลือดรวมด้วย
บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน เนื่องจากอาจทำให้ลูกเกิดอาการช็อกได้
4.
ลูกดื่มนมน้อยหรือไม่ยอมดูดนม
เป็นปัญหาใหญ่เลยค่ะเพราะนม
เป็นแหล่งอาหารเพียงแหล่งเดียวของเด็กฐานรก หากลูกได้รับนมน้อยกว่ามาตรฐานในแต่ละวัน
ย่อมส่งผลต่อพัฒนาการทุกด้านของลูกอย่างแน่นอน
5.
ลูกมีขนาดตัวเล็ก
ขนาดตัวเล็กอาจจะดูไม่มีอะไร
แต่อาจจะทำให้ก็การเจริญเติบโตไม่เป็นไปตามเกณฑ์ได้
เพราะถ้าลูกต้องออกแรงร้องไห้ติดต่อกันเป็นเวลานานก็ยิ่งใช้พลังงานมาก
กลายเป็นว่าอาจทำให้ลูกมีขนาดตัวเล็กกว่าเด็กปกติ
เมื่อบวกกับอาการดื่มนมน้อยหรือไม่ยอมดูดนมเลย
อาการทั้ง 5 นี้หากเกิดร่วมกับอาการโคลิคอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้
เพราะฉะนั้นถ้าลูกน้อยร้องไห้เมื่อไหร่ คุณพ่อคุณแม่ควรรีบเข้าไปดูแลลูกให้หยุดร้องไห้เร็วที่สุดด้วยวิธีที่อ่อนโยนนุ่มนวลที่สุด
และสังเกตอาการของลูกทุก ๆ ครั้ง หากมีความผิดปกติให้รีบพาพบแพทย์ทันที
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เพราะคนที่จะเสียใจที่สุดคือตัวคุณพ่อคุณแม่เอง