
ทารกยังเป็นวัยที่ยังไม่สามารถสื่อสารด้วยวิธีอื่นๆ
ได้ ยกเว้นการร้องไห้ แต่หากว่า ลูกร้องไม่หยุด ผิดปกติ ร้องไห้อย่างรุนแรง ยาวนาน
และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดโดยง่ายทั้งที่ไม่ได้หิวนม ง่วง หรือผ้าอ้อมเปียกแฉะ
หาก เด็กร้องไห้ไม่มีสาเหตุ
หรือ ลูกร้องไม่หยุด เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนาน 2-3
ชั่วโมงและร้องในช่วงเวลาเดียวกันแทบทุกวัน คุณพ่อคุณแม่อาจต้องนึกถึง อาการโคลิค
ไว้ก่อน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับทารกที่มีอายุตั้งแต่ 3 สัปดาห์จนถึงประมาณ 4-5 เดือน
และจะหายได้เองเมื่อลูกน้อยเริ่มเติบโตขึ้น แม้จะไม่ได้ถือเป็นโรคหรืออาการผิดปกติแต่อย่างใด
แต่ก็อาจจะสร้างความกังวลให้กับพ่อแม่ได้ หากไม่แน่ใจว่าลูกของเรามีอาการโคลิคหรือไม่แนะนำให้พบแพทย์เพื่อได้รับคำแนะนำและคำปรึกษาที่ถูกต้อง
แม้จะยังไม่มีการระบุถึงสาเหตุอย่างชัดเจน
แต่กุมารแพทย์ก็เชื่อว่า ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ซึ่งในทางการแพทย์เรียกว่า
Dysbiosis ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดการร้องไห้แบบโคลิคของทารก
โดยปกติแล้วในลำไส้ของคนเราจะมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์อยู่หลายชนิด โดยเฉพาะตัว โปรไบโอติค
(Probiotics) ที่มีส่วนช่วยให้ลำไส้แข็งแรง
แต่ภาวะบางอย่างเช่น ลักษณะการคลอดของทารก หรือนมที่ทารกกิน ก็มีผลทำให้ปริมาณจุลินทรีย์ชนิดนี้ลดลงได้
ที่อาจจะทำให้ทารกรู้สึกไม่สบายตัวปวดท้อง จนอาจจะเกิดอาการร้องไห้อย่างไม่มีสาเหตุได้
ดังนั้นเมื่อ ลูกร้องไม่หยุด
และเข้าข่ายแบบโคลิค อีกหนึ่งวิธีที่กุมารแพทย์ใช้บรรเทาอาการคือ การเลือกใช้ โปรไบโอติค
ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ดีมาช่วยลดปัญหาลำไส้ของลูกน้อย
ซึ่งถือว่าปลอดภัยกว่าการให้ลูกกินยา ทั้งยังมีผลวิจัยที่ชี้ว่าโปรไบโอติค
สามารถลดระยะเวลาการร้องไห้งอแงของทารกได้ดีกว่าการให้ยาขับลมด้วย
กรณีการแก้ปัญหาการทำงานของลำไส้นั้น
คุณพ่อคุณแม่บางรายอาจเลือกวิธีการเปลี่ยนสูตรนมผงมาเป็นสูตรที่ย่อยง่าย แต่อาจจะไม่เหมาะกับทารกที่ยังกินนมแม่อยู่เพราอาจะทำให้ทารกปฏิเสธนมแม่ในอนาคต
แม้นมแม่จะเป็นสารอาหารที่ดีที่สุด
การใช้โปรไบโอติค
เพื่อช่วยสร้างสมดุลของจุลินทรีย์และช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกสบายขึ้น
จึงเป็นอีกตัวช่วยสำหรับคุณพ่อคุณแม่ให้สามารถรับมือกับ อาการโคลิค
โดยไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียง และเมื่อลูกน้อยเติบโตผ่านช่วงอายุ 6 เดือนไปแล้วอาการโคลิคก็จะหายไป
แต่อย่างไรการใช้โปรไบโอติคควรอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์นะ