
พ่อแม่มือใหม่หลายๆ
คนอาจจะกลัวที่จะต้องพบเจออาการที่ลูกร้องไม่หยุด หรือโคลิค (Colic)
ซึ่งเป็นอาการที่ เด็กร้องไห้ โยเยแบบรุนแรงเป็นชั่วโมงหรือหลายชั่วโมง
ในช่วงเวลาเดิมๆ ติดต่อกันหลายสัปดาห์ ซึ่งเป็นการร้องไห้แบบที่เรียกว่า อาการโคลิค โดยจะพบมากที่สุดในเด็กอายุ
2-3 สัปดาห์ไปจนถึง 3 เดือน
เมื่อลูกน้อยมีอาการร้องไห้ไม่หยุดและมีลักษณะการร้องที่รุนแรง
ทำให้คุณพ่อคุณแม่มักเกิดความกังวลใจโดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนทำให้ไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร
โดยอาจจะรับมือด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง วันนี้เรามีลิสต์สิ่งที่คุณแม่คุณพ่อไม่ควรทำเมื่อลูกมีอาการร้องไห้จะโคลิคมาฝากกัน
1. พยายามป้อนนมให้ลูก หลายคนมักคิดว่า ทารกร้องไห้ เพราะหิว
เพราะในทารกมักจะร้องไห้เมื่อเกิดอาการหิว ง่วง หรือไม่สบายตัว
แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่ลูกจะร้องไห้เพราะหิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กน้อยที่ร้องไม่หยุดจากอาการโคลิค
เมื่อพยายามป้อนนมหรือน้ำลงไปก็อาจทำให้เกิดการสำลักได้
2. ใช้จุกนมปลอม การใช้จุกนมปลอมอาจจะเป็นอีกวิธีที่หลายคนแนะนำให้ใช้
แต่ที่จริงไม่ควรเลยเพราะจุกนมปลอมจะส่งผลเสียในระยะยาวหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น
ลูกดูดนมแม่ได้น้อยลงเพราะติดจุกนมหลอก,
มีความเสี่ยงในเรื่องของการติดเชื้อในช่องท้องและในช่องหู
อีกทั้งยังจะส่งผลต่อการพูดและรูปฟันของลูกเมื่อโตขึ้น
3. ใช้สมุนไพรช่วยในการรักษาโคลิค คนเฒ่าคนแก่อาจจะแนะนำให้ใช้สมุนไพรในการรักษาแต่ปัจจุบันยังไม่มีการรับรองใดๆ
ออกมา
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพรที่มีคนแนะนำมาให้ใช้เพื่อรักษาอาการร้องไม่หยุดของลูกน้อย
เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายจากการใช้สมุนไพรอย่างไม่ถูกต้อง
ควรเลือกวิธีการที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
4. ตีหรือทำเสียงดังใส่ลูก เพราะว่า ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ พ่อแม่หลายคนอาจเลือกใช้วิธีนี้เพื่อทำให้ลูกรู้สึกกลัวหรือตกใจจนหยุดร้องไปเองซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพราะยิ่งจะทำให้ลูกน้อยมีอาการเครียด
และยิ่งทำให้อาการโคลิคยิ่งเป็นมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ควรทำคือสร้างบรรยากาศให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลาย
เช่น การกอดให้แนบชิดอกแล้วค่อยๆ โยกตัวเบาๆ จะช่วยให้ลูกรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น
อาการโคลิคเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กทารกทุกคน
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรทำความเข้าใจกับอาการเหล่านี้และรับมือด้วยความใจเย็น
และดูแลเด็กทารกเป็นอย่างดี โดยอาการโคลิคนี้สามารถหายไปเมื่ออายุ 4 6 เดือน
โดยหากยังไม่แน่ใจว่าจะรับมืออย่างไรแนะนำให้พบแพทย์โดยทันทีนะ